วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน


การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
            ความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ  การวัด  และ  การวัดผล  บางคนเข้าใจว่า 2 คำนี้เป็นคำเดียวกัน  มีความหมายเหมือนกัน เพราะมาจากภาษาอังกฤษคำเดียวกันคือ measurement  แต่ในภาษาไทย  2 คำนี้มีความหมายแตกต่างกันเล็กน้อย  ดังนี้
การวัด เป็นกระบวนการกำหนดตัวเลขหรือสัญลักษณ์แทนปริมาณหรือคุณภาพของคุณลักษณะหรือคุณสมบัติของสิ่งที่ต้องการวัด
            การวัดผล  เป็นกระบวนการกำหนดตัวเลขหรือสัญลักษณ์แทนปริมาณหรือคุณภาพของคุณลักษณะหรือคุณสมบัติของสิ่งที่ต้องการวัด  โดยสิ่งที่ต้องการวัดนั้นเป็นผลมาจากการกระทำหรือกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน  เช่น  การวัดผลการเรียนรู้  สิ่งที่วัดคือ ผลที่เกิดจากการเรียนรู้ของผู้เรียน

องค์ประกอบของการวัด
            องค์ประกอบของการวัดประกอบด้วย  สิ่งที่ต้องการวัด เครื่องมือวัด  และผลของการวัด  ที่สำคัญที่สุด คือ เครื่องมือวัด เครื่องมือที่มีคุณภาพจะให้ผลการวัดที่เที่ยงตรงและแม่นยำ

ประเภทของสิ่งที่ต้องการวัด
            สิ่งที่ต้องการวัดแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. สิ่งที่เป็นรูปธรรม คือ คน สัตว์ หรือสิ่งของ ที่จับต้องได้  มีรูปทรง  การวัดสิ่งที่เป็นรูปธรรมนี้เป็นการวัดทางกายภาพ (physical)  คุณลักษณะที่จะวัดสามารถกำหนดได้ชัดเจน เช่น น้ำหนัก ความสูง ความยาว เครื่องมือวัดคุณลักษณะเหล่านี้ให้ผลการวัดที่เที่ยงตรงและแม่นยำสูง วัดได้ครบถ้วน สมบูรณ์ และเอียดถี่ถ้วน ตัวอย่างเครื่องมือวัด เช่น  เครื่องชั่ง ไม้บรรทัด สายวัด เป็นต้น การวัดลักษณะนี้เป็นการวัดทางตรง  ตัวเลขที่ได้จากการวัดแทนปริมาณคุณลักษณะที่ต้องการวัดทั้งหมด  เช่น หนัก 10 กิโลกรัม  สูง 172 เซนติเมตร  ยาว  3.5 เมตร  ตัวเลข 10  172  และ 3.5  แทนน้ำหนัก ความสูง และความยาวทั้งหมด  เช่น 10 แทนน้ำหนักทั้งหมด  ถ้าไม่มีคุณลักษณะดังกล่าว เช่นหนัก 0 หน่วย  ก็คือ ไม่มีนำหนักเลย  ตัวเลข 0 นี้เป็นศูนย์แท้ (absolute zero)
2. สิ่งที่เป็นนามธรรม  คือสิ่งที่ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ เป็นการวัดพฤติกรรมและสังคมศาสตร์ (behavioral and social science) คุณลักษณะที่จะวัดกำหนดได้ไม่ชัดเจน  เช่น   การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (achievement) วัดเจตคติ (attitude) วัดความถนัด (aptitude)  วัดบุคลิกภาพ (personality)  เป็นต้น  เครื่องมือวัดด้านนี้มีคุณภาพด้อยกว่าเครื่องมือวัดสิ่งที่เป็นรูปธรรม  คือ ให้ผลการวัดที่เที่ยงตรงและแม่นยำน้อยกว่า  ลักษณะการวัด เป็นการวัดทางอ้อม  วัดได้ไม่สมบูรณ์  ไม่ละเอียดถี่ถ้วน และมีความผิดพลาด  ตัวเลขหรือสัญลักษณ์ที่ได้จากการวัดเป็นค่าโดยประมาณ   ไม่สามารถแทนปริมาณหรือคุณภาพของคุณลักษณะที่ต้องการวัดได้ทั้งหมด  เช่น  การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนคนหนึ่ง ได้ 15 คะแนน  ตัวเลข 15 ไม่ได้แทนปริมาณความรู้ความสามารถทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนคนนี้ทั้งหมด  แม้แต่นักเรียนที่สอบได้คะแนนเต็ม  ไม่ได้หมายความว่านักเรียนผู้นั้นมีความรู้ความสามารถในเรื่องดังกล่าวสมบูรณ์เต็มตามกรอบของหลักสูตร ในทางตรงกันข้ามนักเรียนที่ได้ 0 คะแนน  ก็ไม่ได้หมายความว่านักเรียนผู้นั้นไม่มีความรู้ความสามารถในคุณลักษณะดังกล่าว  เพียงแต่ตอบคำถามผิดหรือเครื่องมือวัดไม่ตรงกับความรู้ความสามารถที่นักเรียนคนนั้นมี เลข 0 นี้ เป็นศูนย์เทียม

ลักษณะการวัดทางการศึกษา
            การวัดทางการศึกษาเป็นการวัดคุณลักษณะที่เป็นนามธรรม  มีลักษณะการวัด ดังนี้
1. เป็นการวัดทางอ้อม  คือ  ไม่สามารถวัดคุณลักษณะที่ต้องการวัดได้โดยตรง  ต้องนิยามคุณลักษณะดังกล่าวไห้เป็นพฤติกรรมที่วัดได้ก่อน  จากนั้นจึงวัดตามพฤติกรรมที่นิยาม เช่น การวัดความรับผิดชอบของนักเรียน ต้องให้นิยามคุณลักษณะความรับผิดชอบเป็นพฤติกรรมที่วัดได้  โดยอาจจะแยกเป็นพฤติกรรมย่อย เช่น ไม่มาโรงเรียนสาย  ทำงานทุกงานที่ได้รับมอบหมาย  นำวัสดุอุปกรณ์การเรียนที่ครูสั่งมาครบทุกครั้ง  ส่งงานหรือการบ้านตามเวลาที่กำหนด  เป็นต้น
2. วัดได้ไม่สมบูรณ์  การวัดทางการศึกษาไม่สามารถทำการวัดคุณลักษณะที่ต้องการวัดได้ครบถ้วนสมบูรณ์  วัดได้เพียงบางส่วน  หรือวัดได้เฉพาะตัวแทนของคุณลักษณะทั้งหมด  เช่นการวัดความสามารถการอ่านคำของนักเรียน  ผู้วัดไม่สามารถนำคำทุกคำมาทำการทดสอบนักเรียน  ทำได้เพียงนำคำส่วนหนึ่งที่คิดว่าเป็นตัวแทนของคำทั้งหมดมาทำการวัด  เป็นต้น
3. มีความผิดพลาด  สืบเนื่องจากการที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง  และการนิยามสิ่งที่ต้องการวัดก็ไม่สามารถนิยามให้เป็นพฤติกรรมที่วัดได้ได้ทั้งหมด  จึงวัดได้ไม่สมบูรณ์  ตัวเลขหรือสัญลักษณ์ที่ได้จากการวัดเป็นการประมาณคุณลักษณะที่ต้องการวัด  ซึ่งในความเป็นจริงคุณลักษณะดังกล่าวอาจจะมีมากหรือน้อยกว่า  ผลการวัดจึงมีความผิดพลาดของการวัด  หรือคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง  การวัดที่ดีจะต้องให้เกิดการผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด
4. อยู่ในรูปความสัมพันธ์  การที่จะรู้ความหมายของตัวเลขที่วัดได้  ต้องนำตัวเลขดังกล่าวไปเทียบกับเกณฑ์หรือเทียบกับคนอื่น  เช่น นำคะแนนที่นักเรียนสอบได้เทียบกับคะแนนเฉลี่ยของกลุ่ม  เทียบกับคะแนนของเพื่อนที่สอบพร้อมกัน  หรือเทียบกับคะแนนของนักเรียนเองกับการสอบครั้งก่อนๆ  ถ้าคะแนนสูงกว่าเพื่อน แสดงว่ามีความสามารถในเรื่องที่วัดมากกว่าเพื่อนคนนั้น  หรือถ้ามีคะแนนสูงกว่าคะแนนที่ตนเองเคยสอบผ่านมา  แสดงว่ามีพัฒนาการขึ้น  เป็นต้น





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น