Digital Skill 6 ทักษะทางไอทีที่จำเป็นในยุค ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น
ในยุคปัจจุบันปัญหา เรื่องของการว่างงาน เริ่มเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมากขึ้น เนื่องจากความต้องการของตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม บริษัทฯ และองค์กรต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนจากการสรรหา “คน” ที่มีความเชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียวเปลี่ยนเป็นการหา “คน” ที่สามารถเข้าใจ และใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้เกิดกระบวนการทำงานที่รวดเร็วมากขึ้น หรือเรียกง่าย ๆ ว่าต้องมี Digital skill นั่นเอง
“ดิจิทัล” มาแต่ “ทักษะ” ไม่พร้อม…
ทราบกันดีว่าวันนี้เรื่องของการใช้เทคโนโลยี เข้ามาแทนที่ “คน” (Human) เริ่มเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมากขึ้น เนื่องจากมีความแม่นยำกว่า และมีความผิดพลาดเกิดขึ้นน้อยกว่าการใช้แรงงานคน ที่มักจะก่อให้เกิดความผิดพลาด จากความประมาท ไม่ละเอียดรอบคอบ ฯลฯ อีกหลายเหตุผล ที่ทำให้องค์กรธุรกิจต่าง ๆ ไม่ต้องการใช้บริการทักษะของ “คน”
ทุกอย่างจะถูกเปลี่ยนเพียงแค่ชั่วข้ามคืน เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะสามารถทดแทนความสามารถของ คน ได้ หลากหลาย แต่บางทักษะเทคโนโลยี ก็ยังไม่สามารถทดแทนได้ อาทิ ทักษะที่ต้องอาศัยจินตนาการในการคิด และสร้างสรรค์ เป็นต้น
ทักษะ ไอที ยิ่งมี ยิ่งไปไกล
การก้าวสู่การเป็น “คน” ที่มคุณภาพ และเป็นที่ต้องการสังคมในยุคของดิจิทัล นี้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนา ทักษะทางด้านไอที อย่างน้อย 6 ด้าน ด้วยกัน
ทักษะแรก
คือ การยกระดับความสามารถใน “การใช้เครื่องมือที่มีอยู่เทคโนโลยี” (Tools & Technologies) ต่าง ๆ อาจเป็นเรื่องยากที่เราจะสามารถตามทันเทคโนโลยีได้ทันทั้งหมด เพราะเทคโนโลยีมีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่อย่างน้อยสิ่งที่ต้องสร้างการเรียนรู้ให้กับตนเอง โดยอย่างน้อยต้องให้มีทักษะในด้านของความเข้าใจในพื้นฐานว่าเครื่องมือต่าง ๆ เหล่านั้น
ไม่ว่าจะเป็น ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และ ซอฟต์แวร์ (Software) ว่ามีกระบวนการทำงานอย่างไร ความสามารถของเทคโนโลยี และข้อจำกัดคืออะไรอย่างไร และมีความสามารถการทำงานร่วมกันกับเครื่องมือทางเทคโนโลยีอื่น ๆ (Collaboration Tools) ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วในยุคปัจจุบันกับเทคโนโลยีที่เราเรียกว่า “อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์” (Internet of Things) หรือ ไอโอที นั่นเอง
ทักษะที่สอง
คือ “การค้นหา และใช้งาน” (Find & Use) ทักษะของการค้นหา และนำไปใช้งานนี้ ไม่ใช่แค่เพียงการเข้าค้นข้อมูลจาก “กูเกิล” (Google)หรือ “เสิร์ชเอนจิน” (Search Engine) ต่าง ๆ ได้เพียงเท่านั้น แต่รวมไปถึงทักษะความสามารถในการที่จะนำไปวิเคราะห์ และตัดสินใจ นำข้อมูล ที่มีอยู่มากมาย ในโลกอินเตอร์เน็ตมาใช้งานได้อย่างมีประโยชน์ และมีประสิทธิภาพ โดยเข้าใจถึงลิขสิทธิ์ของข้อมูล และการนำไปใช้ อีกด้วย
ทักษะที่สาม
คือ “การสอน และเรียนรู้” (Teach & Learn) ทักษะในด้านนี้ เป็นทักษะที่ต้องอาศัยความร่วมมือกัน เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถรู้ หรือเชี่ยวชาญเทคโนโลยีไปได้ทุกอย่าง จึงต้องจำเป็นต้องมีการแบ่งปันองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ กล่าวก็คือทั้งผู้เรียน และผู้สอน จำเป็นต้องมีทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ถูกต้องอยู่แล้วในระดับหนึ่ง
ซึ่งรวมไปถึงการใช้เครื่องมือในการนำเสนอ (Presentation Tools) ได้เป็นอย่างดี เพราะหากขาดความเข้าใจที่ดีแล้ว ก็นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วยังอาจสร้างการเรียนรู้แบบผิด ๆ ไปเลยก็ได้ แต่แน่นอนว่าเราสามารถใช้หลักในการเปรียบเทียบ และประเมิน ทดลอง ผิดถูก จนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องได้ ซึ่งทักษะนี้ถือเป็นทักษะที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดยเราสามารถเรียนรู้ได้จากหลากหลายช่องทาง เนื่องจากทุกวันนี้มีแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ให้ความรู้อยู่มาก ในรูปแบบ ออนไลน์ทำให้สามารถเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบของ วีดีโอ (Vdo) ที่มีบอกทั้งวิธีการทำการตลาด (Marketing) หรือแม้แต่ การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Science) ก็ยังมีให้เห็น ซึ่งเป็นความรู้ที่ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง หรือลงทุนไปเรียนในต่างประเทศ
ทักษะที่สี่
คือ “การสื่อสาร และความร่วมมือ” (Communication and Collaborate) ทุกวันนี้เราคงยากที่ปฏิเสธการอยู่ในโลกของดิจิทัลได้ยาก เนื่องจากเทคโนโลยี ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งชีวิต และสร้างในเกิดสังคมใหม่ๆ ที่แบ่งแยกออกเป็นกลุ่มย่อยๆ มากขึ้น และยิ่งเทคโนโลยีทำให้ทุกคนเชื่อมต่อกัน สื่อสารกันได้ง่ายขึ้น มากเท่าไร ย่อมหมายรูปแบบการทำงานย่อมเปลี่ยนแปลงแยกย่อย เป็นกลุ่มก้อน ที่มีความต้องการ ทัศนคติที่แตกต่างกันไปมากเท่านั้น
ดังนั้น คน จึงจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มในเรื่องทักษะในการทำงานแบบใหม่ ด้วยการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อีเมล (E-mail) วิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ (Video Conference) วิกิ (Wiki) แมสเสจจิง (Messaging) และเครื่องมือทางเทคโนโลยี (Colloboration Tools) ในการการแชร์ข้อมูล เพื่อที่จะให้สามารถทำงานร่วมกันได้ในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ทักษะที่ห้า
คือ “สร้าง และนวัตกรรม” (Create and Innovate) วันนี้จากความก้าวอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล จึงเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นที่ทำให้สามารถที่จะสร้างนวัตกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถตอบสนองต่อการทำงานได้ดีมากขึ้น ทั้งในรูปของ ข้อความ รูปภาพ ซอฟต์แวร์ หรือบริการต่าง ๆ แต่ก่อนที่จะสามารถสร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ๆได้นั่น เราอย่างยิ่งที่ต้องมีต้องมีทักษะในการสร้างเนื้อหาออกมาในรูปแบบของดิจิทัลได้ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
“ดิจิทัล อิมเมจ” (Digital Images) “กราฟฟิก ดีไซน์” (Graphics Design) ซึ่งยังอาจหมายถึงการเขียนโปรแกรม (Programming) หรือ การเขียนโค้ด (Coding) ด้วย เพราะเป็นทักษะที่สามารถหยิบเอาสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ ทั้งจากภายใน องค์กร และภายนอก มาสร้างนวัตกรรมสิ่งใหม่ๆได้ ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน และเป็นที่รู้จัก ก็คือ บริการแชร์ห้องพัก แอร์บีเอ็นบี (Airbnb) และบริการแชร์รถยนต์อย่าง อูเบอร์ (Uber) ที่ไม่ได้ลงทุน แต่สามารถใช้สิ่งที่มีอยู่มาสร้างจนเกิดเป็นธุรกิจที่คนใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
ทักษะสุดท้าย
คือ “อัตลักษณ์ และสุขภาวะ” (Identity & Wellbeing) ทักษะนี้ หากแปลความหมายตรงตัวอาจะเข้าใจไปได้ว่าคือเรื่องการแสดงตัวตน และเรื่องของการมีสุขภาพจิตใจที่ดี แต่ในความจริงแล้วมันหมายถึงการเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล อย่างมีความปลอดภัย มากกว่า เพราะยิ่งเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้ามากเท่าใด ย่อมหมายถึงการที่เราจะได้พบเจอกับความเสี่ยงต่อการใช้งาน
ซึ่งจากภัยคุกคามต่าง ๆ ทางด้านดิจิทัลมากขึ้น ด้วยนั่นเอง ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า เราจำเป็นต้องยกระดับทักษะ และความตะหนักรู้เท่าทัน ในเรื่องปกป้องข้อมูลตัวเอง และข้อมูลขององค์กร ตลอดจนการระมัดระวังในการเก็บ หรือตั้งรหัส ที่แสดงตัวตน ผ่านเครื่องมือทางเทคโนโลยีต่าง ๆ และยังรวมไปถึงต้องมีความรับผิดชอบในการดูแล และป้องกันข้อมูลของผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับเรา หรือบริษัทฯ ด้วยเช่นกัน เพราะหากไม่มีทักษะในด้านนี้ ผลของความเสียหายรุนแรงมาก จนถึงขั้นที่ไม่สามารถจะรับผิดชอบได้เลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น